ผู้เขียน

ดูทั้งหมด
Adam R. Holz

Adam Holz

Adam is senior associate editor at Focus on the Family’s media review website, Plugged In. Adam has also served as associate editor at Discipleship Journal. He is the author of the NavPress Bible study Beating Busyness. Adam is married to Jennifer, an ordained Presbyterian minister. They have three children whose passions include swimming, gymnastics, drama, piano, and asking dad what’s for dessert. In his free time, Adam enjoys playing electric guitar.

บทความ โดย Adam Holz

สงบศึกกับปัญหา

ตอนที่เราใกล้จะถึงบ้าน ผมสังเกตเห็นเข็มวัดความร้อนของเครื่องยนต์กำลังขึ้นสูง เมื่อเข้าที่จอด ผมดับเครื่องและกระโดดออกจากรถ ควันลอยออกมาจากฝากระโปรง เครื่องยนต์ส่งเสียงดังเหมือนเวลาทอดเบคอน ผมเข็นรถถอยหลังไปสองสามฟุตและเห็นว่ามีน้ำมันหยดอยู่ที่พื้น ผมรู้ทันทีว่าปะเก็นฝาสูบระเบิด

ผมโอดครวญ เราเพิ่งใช้เงินจำนวนมากไปกับการซ่อมแซม ทำไมมันยังทำงานไม่ได้อีก ผมบ่นอย่างอารมณ์เสีย ทำไมอะไรๆถึงไม่หยุดพังสักที

คุณเป็นเหมือนผมไหม บางครั้งเราผ่านวิกฤติหนึ่งมาได้ แก้ปัญหาหนึ่งเสร็จชำระหนี้ก้อนใหญ่หมด เพื่อที่จะพบกับปัญหาใหม่ที่บางครั้งก็หนักกว่าเรื่องรถเสีย เช่น การตรวจเจอโรคร้าย การเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร การสูญเสียอันเลวร้าย

ในเวลาเช่นนั้นเราเรียกร้องหาโลกที่ดีกว่า ที่มีปัญหาน้อยกว่า โลกที่พระเยซูทรงสัญญาไว้กำลังจะมาถึง แต่ก็ยังไม่ถึง พระเยซูทรงเตือนสาวกของพระองค์ในยอห์น 16 ว่า “ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว” (ข้อ 33) พระเยซูตรัสถึงปัญหาร้ายแรงเช่นการถูกข่มเหงเพราะความเชื่อ แต่พระองค์ทรงสอนว่าความทุกข์ยากเหล่านั้นไม่มีวันเอาชนะผู้ที่มีความหวังในพระองค์ได้

ปัญหาทั้งเล็กและใหญ่อาจตามเล่นงานเรา แต่พระสัญญาของพระเยซูถึงวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าถ้าเราอยู่กับพระองค์ หนุนใจเราที่จะไม่ปล่อยให้ปัญหามากำหนดชีวิตของเราในวันนี้

Register

[rbc_profiles_registration]

ขับรถฝ่ายวิญญาณ

ผมจำรายละเอียดหลายอย่างในชั้นเรียนขับรถไม่ได้ แต่อักษร พ-ร-ค-ต-ป ยังฝังแน่นในความทรงจำ

อักษรพวกนี้แทนคำว่า พิจารณา ระบุ คาดการณ์ ตัดสินใจ และปฏิบัติ นี่คือขั้นตอนที่เราถูกสอนให้ฝึกเป็นประจำ เราต้องพิจารณาเส้นทาง ระบุอันตราย คาดการณ์ผลของอันตราย ตัดสินใจว่าจะตอบสนองอย่างไร และหากจำเป็น ให้ปฏิบัติตามแผน นี่คือกลยุทธ์ในการมุ่งมั่นหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

ผมสงสัยว่าแนวคิดนี้จะนำมาใช้ในชีวิตฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร ในเอเฟซัส 5 เปาโลบอกผู้เชื่อในเอเฟซัสว่า “จงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา” (ข้อ 15) เปาโลทราบว่าอันตรายบางอย่างอาจทำให้ พวกเขาล้มลงสู่ชีวิตเก่าที่ขัดกับชีวิตใหม่ในพระเยซู (ข้อ 8, 10-11) จึงแนะนำคริสตจักรที่กำลังเติบโตให้ระมัดระวัง

คำที่แปลว่า “จงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี” นั้นความหมายตรงตัวคือ “ดูว่าคุณเดินอย่างไร” หรือหมายถึง มองไปรอบๆ สังเกตอันตราย และหลีกเลี่ยงความบาป เช่นการเมาเหล้าและใช้ชีวิตเสเพล (ข้อ 18) แทนที่จะทำอย่างนั้น อัครทูตบอกให้เราแสวงหาที่จะเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้าในชีวิต (ข้อ 17) ขณะที่เราร้องสรรเสริญและขอบพระคุณพระองค์ร่วมกับผู้เชื่อ (ข้อ 19-20)

ไม่ว่าเราจะเผชิญอันตรายใด และแม้จะสะดุดล้ม เรายังคงมีประสบการณ์กับชีวิตใหม่ในพระคริสต์ได้ในขณะที่เราเติบโตโดยพึ่งพากำลังและพระคุณอันไร้ขีดจำกัดของพระองค์

ต้นไม้ที่งอกงาม

ผมมีหัวใจของการเป็นนักสะสมมาตลอด ตอนเป็นเด็กผมสะสมแสตมป์ การ์ดเบสบอล หนังสือการ์ตูน และตอนนี้ผมเห็นลูกมีนิสัยแบบเดียวกัน บางครั้งผมก็สงสัยว่า “ลูกจำเป็นต้องมีตุ๊กตาหมีอีกตัวหรือ”

คำตอบไม่ใช่เรื่องของความจำเป็น แต่อยู่ที่เสน่ห์ของความใหม่ หรือบางทีสิ่งนั้นดึงดูดใจเพราะเป็นของเก่าและหายาก เป็นอะไรก็ตามที่ทำให้เราหลงใหลไปกับจินตนาการ และลวงให้เชื่อว่าการมี “สิ่งนี้” ชีวิตจะดีขึ้นและมีความสุข

แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เคยให้ประโยชน์อะไร ทำไมน่ะหรือ เพราะพระเจ้าทรงสร้างเราเพื่อจะได้รับการเติมเต็มโดยพระองค์ ไม่ใช่โดยสิ่งต่างๆที่โลกนี้เฝ้าบอกว่าจะสามารถเติมเต็มจิตใจที่โหยหาของเราได้

นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ สุภาษิตเปรียบเทียบชีวิตไว้สองแบบที่ตรงข้ามกัน คือชีวิตที่ไขว่คว้าความร่ำรวยและชีวิตที่ตั้งมั่นในพระเจ้าผู้ทรงรักและให้ด้วยใจกว้างขวาง ในพระคัมภีร์ฉบับ เดอะเมสเสจ ยูจีน ปีเตอร์สันได้แปลสุภาษิต 11:28 ว่า “ชีวิตที่ทุ่มเทให้กับสิ่งของคือชีวิตที่ตายแล้ว คือตอไม้ แต่ชีวิตที่พระเจ้าทรงจัดแต่งเป็นชีวิตที่เจริญงอกงาม”

เราเห็นภาพชีวิต 2 แบบคือต้นไม้ที่เจริญงอกงามเกิดผล กับภาพตอไม้ไร้ผล โลกนี้พยายามบอกเราว่าการมีข้าวของมากมายคือ “ชีวิตที่ดี” ตรงข้ามกับพระเจ้าที่ทรงเชื้อเชิญเราให้หยั่งรากในพระองค์ ให้มีประสบการณ์ในความดีของพระองค์และให้งอกงามเกิดผล และในขณะที่เราถูกปรับแต่งโดยการมีสัมพันธภาพกับพระองค์นั้น พระเจ้าจะปรับเปลี่ยนจิตใจและความปรารถนาของเราใหม่ โดยเปลี่ยนแปลงเราจากภายใน

การนำทางชีวิตที่ไหลเชี่ยว

“คนทางกาบซ้าย พายตรงไปข้างหน้าสามครั้ง” ผู้นำล่องแก่งของเราตะโกนสั่ง พวกที่อยู่กาบซ้ายจ้วงพายดึงเรือของพวกเราออกจากกระแสน้ำวน เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่พวกเราได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการเชื่อฟังคำสั่งของผู้นำทาง เสียงที่หนักแน่นมั่นคงของเขาช่วยทั้งหกคนซึ่งมีประสบการณ์น้อยมากในการล่องแก่ง ให้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อล่องแก่งฝ่าแม่น้ำที่โหมกระหน่ำมาได้อย่างปลอดภัยที่สุด

อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

พวกเขาเพิ่งปูถนนสายนี้ไปไม่นาน ผมคิดในใจขณะที่การจราจรชะลอตัว ตอนนี้ก็กำลังรื้อมันอีก แล้วผมก็สงสัยว่า ทำไมถนนนี้สร้างไม่เสร็จเสียที คือผมไม่เคยเห็นป้ายที่แจ้งว่า “บริษัททำถนนเสร็จแล้ว ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับถนนที่สมบูรณ์แบบนี้”

เรื่องคล้ายกันนี้ก็เกิดกับชีวิตฝ่ายวิญญาณของผมเช่นกัน ในช่วงที่เชื่อใหม่ๆผมคิดถึงภาพที่ผมจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เมื่อทุกสิ่งเป็นไปตามที่คิดและชีวิตผม “ดำเนินไปอย่างราบรื่น” สามสิบปีต่อมาผมยอมรับว่าผมยังคง “อยู่ระหว่างการก่อสร้าง” เหมือนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ตลอด ชีวิตผมก็ดูจะไม่มีวัน “เสร็จ” เช่นกัน ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดพอๆกัน

แต่ฮีบรูบทที่ 10 มีพระสัญญาที่น่าทึ่งในข้อ 14 ที่ว่า “โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์” งานของพระเยซูบนกางเขนได้ช่วยเราให้รอดแล้วอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ในสายพระเนตรพระเจ้าเราเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่สิ่งที่ดูขัดแย้งก็คือ กระบวนการนั้นจะยังไม่เสร็จในโลกนี้เราจะยังคงถูกหล่อหลอมให้เป็นเหมือนพระองค์และรับการ “ชำระให้บริสุทธิ์”

วันหนึ่งเราจะได้พบกับพระองค์หน้าต่อหน้าและเราจะเป็นเหมือนพระองค์ (1 ยน.3:2) แต่ขณะนี้เราจะยังคง “อยู่ระหว่างการก่อสร้าง” และตั้งตารอวันแห่งสง่าราศีเมื่องานของพระองค์ในชีวิตเราเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์

ห่านที่น่าสงสารที่สุด

ทำไมลูกฟุตบอลมาอยู่ในลานจอดรถได้ ผมสงสัย แต่เมื่อเข้าไปใกล้ ผมถึงรู้ว่าก้อนสีเทานั้นไม่ใช่ลูกบอลแต่เป็นห่าน ห่านที่น่าสงสารที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

ในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง ฝูงห่านมักจะรวมตัวกันที่สนามใกล้ที่ทำงานของผม แต่วันนี้มีห่านอยู่ตัวเดียว มันเอี้ยวคอเอาหัวซุกไว้ใต้ปีก เพื่อนของแกหายไปไหนหมด ผมคิด เจ้าห่านที่น่าสงสารดูโดดเดี่ยวมากจนผมอยากจะเข้าไปกอดมัน (คำเตือน: ห้ามลองทำ)

ผมแทบไม่เคยเห็นห่านอยู่ตามลำพังแบบนี้มาก่อน ห่านเป็นสัตว์สังคมอย่างชัดเจน มันบินเป็นฝูงรูปตัววีเพื่อลดแรงต้านของลม พวกมันถูกสร้างมาให้อยู่ด้วยกัน

มนุษย์เราก็ถูกสร้างมาให้อยู่รวมกันเป็นชุมชน (ดู ปฐก.2:18) ในปัญญาจารย์ 4:10 ซาโลมอนอธิบายไว้ว่า คนเราจะอ่อนแอหากอยู่คนเดียว “วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียว เมื่อเขาล้มลงและไม่มีผู้อื่นพะยุงยกเขาให้ลุกขึ้น” จำนวนที่มากขึ้นทำให้เกิดพลัง พระองค์กล่าวต่อว่า “แม้คนหนึ่งสู้คนเดียวได้ สองคนคงสู้เขาได้แน่เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้” (ข้อ 12)

คำพูดนี้เป็นจริงทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกาย พระเจ้าไม่เคยอยากให้เรา “บิน” ตามลำพัง โดดเดี่ยวและอ่อนแอ เราจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อจะมีกำลังใจ สดชื่น และเติบโต (ดูใน 1 คร.12:21)

เมื่อกระแสลมแห่งชีวิตพัดมาปะทะ เรายืดหยัดอยู่ได้ร่วมกัน

ทุกโอกาส

คุณเคยจับมังกรไหม ผมเคยจับเมื่อตอนที่ลูกชายชวนให้ดาวน์โหลดเกมในโทรศัพท์มือถือ เกมนี้สร้างแผนที่ซ้อนในโลกความจริง ทำให้คุณได้จับสัตว์ สีสันสดใสรอบตัวคุณ

เกมนี้ต่างจากเกมอื่นในโทรศัพท์มือถือตรงที่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหว ทุกที่ที่คุณไปล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ในเกม ผลลัพธ์คือ ผมได้เดินมากกว่าเดิม ทุกครั้งที่ผมและลูกชายเล่นเกม เราพยายามอย่างมากที่จะจับสัตว์ที่อยู่รอบตัวเราให้ได้มากที่สุด

เป็นเรื่องง่ายที่เราจะจดจ่อหรือกระทั่งหมกมุ่นอยู่กับเกมที่สร้างมาเพื่อดึงดูดผู้คนเล่น แต่เมื่อผมเล่นเกม ผมได้คิดถึงคำถามว่า ผมตั้งใจมากเท่านี้หรือไม่ที่จะเพิ่มโอกาสฝ่ายจิตวิญญาณรอบตัวผม

เปาโลรู้ว่าเราจำเป็นต้องตื่นตัวต่องานของพระเจ้ารอบตัวเรา ในโคโลสี 4 ท่านขอให้อธิษฐานเผื่อโอกาสในการประกาศข่าวประเสริฐ (ข้อ 3) และท้าทายว่า “จงปฏิบัติกับคนภายนอกด้วยใช้สติปัญญา โดยฉวยโอกาส” (ข้อ 5) เปาโลไม่อยากให้ชาวโคโลสีพลาดโอกาสที่จะเป็นพยานถึงพระคริสต์ แต่การจะทำอย่างนั้น ต้องอาศัยการมองเห็นความต้องการและตัวตนของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง แล้วเข้าหาโดย “ประกอบด้วยเมตตาคุณ” (ข้อ 6)

ในโลกเรามีสิ่งอื่นที่พยายามแย่งเวลาและความสนใจจากเรามากกว่าเกมมังกรในจินตนาการ แต่พระเจ้าเชื้อเชิญให้เราเดินทางผจญภัยในโลกความจริง เสาะหาโอกาสที่จะเป็นพยานถึงพระองค์ทุกวัน

ตั้งใจเต็มที่

เทคโนโลยีปัจจุบันดูจะเรียกร้องความสนใจจากเราอยู่ตลอด “ความมหัศจรรย์” ของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ ทำให้เราเข้าถึงความรู้ที่มนุษยชาติรวบรวมไว้ได้อย่างน่าทึ่ง แต่การเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้บ่อยๆทำให้หลายคนต้องสูญเสียบางอย่าง

ลินดา สโตนนักเขียนได้บัญญัติวลีว่า “การแบ่งความสนใจให้ตลอดเวลา” คือความรู้สึกในยุคใหม่ที่เรามักอยากรู้ตลอดเวลาว่ามีอะไรเกิดขึ้น “รอบตัว” เราจะได้ไม่พลาดอะไรไป ฟังดูเหมือนจะนำไปสู่โรควิตกกังวลเรื้อรัง แต่เป็นอย่างนั้นจริงๆ

แม้อัครทูตเปาโลจะต่อสู้กับความกังวลที่เกิดจากสาเหตุอื่น แต่ท่านรู้ว่าจิตวิญญาณของเราต้องแสวงหาสันติสุขในพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ ในจดหมายที่ท่านเขียนถึงผู้เชื่อใหม่ที่ต้องอดทนต่อการข่มเหง (1 ธส.2:14) เปาโลจึงลงท้ายจดหมายด้วยการหนุนใจว่า “จงชื่นบานอยู่เสมอ จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ จงขอบพระคุณในทุกกรณี” (5:16-18)

การอธิษฐาน “อย่างสม่ำเสมอ” อาจฟังดูแล้วเป็นไปได้ยาก แต่เราดูโทรศัพท์ของเราบ่อยแค่ไหน เราน่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นการพูดคุยกับพระเจ้าบ่อยๆแทน

ที่สำคัญกว่านั้น เราน่าจะเปลี่ยนความอยาก “รู้” ทุกสิ่งตลอดเวลา ให้เป็นการพักสงบด้วยใจอธิษฐานต่อพระพักตร์ของพระเจ้าอยู่เสมอ เมื่อเราพึ่งพาองค์พระวิญญาณ เราจะได้เรียนรู้การให้ความสนใจทั้งหมดกับพระบิดาในสวรรค์ตลอดเวลาที่เราดำเนินชีวิตแต่ละวัน - ARH

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา